ราคาทองคำยังขยับไซด์เวย์ แม้ตัวเลข NFP เมื่อวันศุกร์จะดีเกินคาด

1,160

News Digest : ย่อยข่าวร้อนๆ ในแวดวงทองคำ ประจำวันจันทร์ที่ 5 เม.ย. 64

มาดูการเคลื่อนไหวของ ราคา goldspot ในช่วงเช้าที่ผ่านมาราคาได้ขยับลดลงมาเล็กน้อย แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในเดือน มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 916,000 ตำแหน่ง มากที่สุดในรอบ 7 เดือน และอัตราการว่างงานสหรัฐฯลดลงจาก 6.2% เหลือ 6.0% ซึ่งในวันศุกร์เป็นวันหยุด เนื่องในวัน Good Friday ทำให้ราคาไม่มีการเคลื่อนไหว  แต่ราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ได้ขยับไซด์เวย์ ดาวน์ แต่ลดลงไปเพียงเล็กน้อย โดยมาเคลื่อนไหวในแนว 1,725 ดอลลาร์ ซึ่งจะต้องติดตามใกล้ชิดว่าในช่วงเย็นและค่ำ  เมื่อตลาดฝั่งยุโปรและอเมริกาเปิด ทิศทางราคาจะเป็นอย่างไร

 ทั้งนี้ YLG มองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หากราคาไม่หลุด 1,713-1,704 ดอลลาร์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,738 ดอลลาร์ ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำมีการแกว่งตัวในกรอบที่แคบลง ดังนั้นควรปรับสถานะ การลงทุนตามการเคลื่อนไหวของราคา การลงทุนวันนี้เน้นเก็งกำไรระยะสั้น การเปิดสถานะซื้อพิจารณาบริเวณแนวรับ 1,713-1,704 ดอลลาร์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,738 ดอลลาร์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ

ส่วนข่าวความเคลื่อนไหวอื่นๆ

“ โจ ไบเดน” ประกาศเดินหน้าแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างแน่นอน และถ้าหากพรรครีพับลิกันไม่ให้การสนับสนุน ก็จะใช้วิธีการออกกฎหมายใช้จ่ายงบประมาณแบบเร่งด่วน ซึ่งต้องการคะแนนเสียงในสภาแค่ครึ่งเดียวจากปกติที่ใช้ 2 ใน 3

 เจพีมอร์แกนคาดราคาบิตคอยน์จ่อแตะเป้าหมายระยะยาวที่ 1.3 แสนดอลลาร์ ทำให้ บิตคอยน์จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตการลงทุน อย่างไรก็ดียังต้องติดตามเรื่องความผันผวนของราคาบิตคอยน์ะแตะระดับเป้าหมายระยะยาวที่ 130,000 ดอลลาร์ หากมีความผันผวนลดลง  ทั้งนี้ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ความผันผวนของบิตคอยน์อยู่ที่ระดับ 86% เมื่อเทียบกับความผันผวนของทองคำที่ระดับ 16%

 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กำลังตรวจสอบสาเหตุที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 15 ล้านโดส ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อิงค์ (J&J) ไม่ผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน  โดย FDA ได้ส่งทีมตรวจสอบลงพื้นที่ในโรงงานของบริษัทอีเมอร์เจนท์ ไบโอโซลูชันส์ ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งผู้ผลิตวัคซีนให้กับ J&J  โดยมีสาเหตุจากความผิดพลาดของพนักงานในการผสมวัตถุดิบเพื่อผลิตวัคซีน  J&J ระบุในแถลงการณ์ว่า ความผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ และวัคซีนล็อตดังกล่าวไม่ถูกส่งเข้าสู่ขั้นตอนของการบรรจุและปิดผนึก ในกระบวนการผลิตของบริษัทแต่อย่างใด   อย่างไรก็ดี J&J ไม่ได้ระบุว่า มีวัคซีนจำนวนมากเท่าใดที่ได้รับความเสียหาย

 ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้

การเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ซึ่งเป็นการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค. ซึ่งเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% และมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566

การประกาศตัวเลข ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. ดุลการค้าเดือนก.พ. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ.

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.