News Digest : นักวิเคราะห์ต่างชาติ มองเป้าสัปดาห์นี้ $1920 แนะจับตาตัวเลข CPI วันพฤหัส

1,298

News Digest : ย่อยข่าวร้อนๆ ในแวดวงทองคำ ประจำวันที่ 7 มิ.ย. 64  ราคาทองคำเช้านี้กลับมาเคลื่อนไหวแนวเส้นค่าเฉลี่ยอีกครั้ง หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดเหนือ $1890 ได้ (ดูกราฟราคาทองคำ) หากว่าราคายังไม่ร่วงไปมากกว่านี้ อาจจะเห็นราคากลับไปยืนเหนือราคาปิดสัปดาห์ และขึ้นไปเทสต์แนวต้านแถว 1,902 และ1,917 ดอลลาร์ ในฝั่งแนวรับ อยู่แถว 1,875 ดอลลาร์ 1,865 ดอลลาร์ และ1,856 ดอลาร์

ด้าน Bob Haberkorn senior commodities broker RJO Futures ให้ความเห็นกับ kitco.comว่า ภาพรวมแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น และคาดว่าจะได้เห็นราคาทองคำกลับมาที่ 1,920 ดอลลาร์ในสัปดาห์หน้านี้ อย่างไรก็ดีราคาทองคำต้องกลับไปยืนเหนือ 1,900 ดอลลาร์อย่างแข็งแกร่งให้ได้ก่อน แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการเคลื่อนไหวของเฟด โดยเฉพาะเรื่องของการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ขณะที่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของ ING ระบุ สัปดาห์นี้ต้องจับตามองการเปิด เผยตัวเลข CPI ของสหรัฐอเมริกาในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในระดับ 4.8% โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เช่นอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้นเป็น 3.3% จาก 3% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 นอกจากนั้นยังต้องติดตาม ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ จะครบกำหนดในวันพฤหัสบดีเช่นกัน ส่วนตัวเลขอื่นๆที่น่าสนใจจะมี อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดี

ไปดูมุมมองการเคลื่อนไหวของราคาทองคำจากบริษัทค้าทองคำในประเทศ

GT Gold  มองว่า ผลจากคำพูดของ “เจเน็ต เยลเลน” ทำให้ราคาทองคำรีบาวด์แรง และเงินแห่ซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ เพื่อหนีความเสี่ยงเงินเฟ้อ ทั้งนี้  RSI พุ่งแรงถึงเขต overbought แต่ราคาทำยอดลดต่ำลงกว่าก่อนหน้า จึงมีแนวโน้มจะตกกลับลงมาหาเส้น MA ที่ 1,875 ดอลลาร์อีก จึงมองว่าแม้ราคาจะขึ้นไปแตะ 1,900 ดอลลาร์ แต่ก็จะไม่ผ่าน กลยุทธ์การลงทุนวันนี้  swing short

YLG  แนะนำให้เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,896-1,898 ดอลลาร์ รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,873-1,857 ดอลลาร์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อไปรอพิจารณาแนวรับถัดไป

SCT Gold ชี้ สัปดาห์นี้จับตาดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัส ที่คาดกันว่าจะลดลง ซึ่งน่าจะดีกับราคาทองคำ แต่คาดว่าราคาทองน่าจะแกว่งออกข้างสะสมพลังเพื่อลุ้นขึ้นรอบสุดท้าย โดยเฉพาะหากราคาทองยืน $1900 ได้ กลยุทธ์การลงทุน ตราบใดราคาทองคำไม่ปิดต่ำกว่า $1850 ยังมีลุ้นการขึ้นรอบใหม่ จึงแนะนำทางฝั่งซื้อช่วงย่อตัว หรือจะเล่นสั้นๆ ตามการสวิงย่อซื้อขึ้นขายในช่วงนี้ นักลงทุนระยะกลางเข้าซื้อช่วงย่อต่อไป ไปลุ้น “เฟด “ไม่ปรับนโยบายในสัปดาห์หน้า และระวังหรือปรับพอร์ตถ้าราคาปิดต่ำกว่า $1850

ไปดูข่าวความเคลื่อนไหวอื่นๆ

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์ปรับตัวลง 255 ดอลลาร์ หรือ 0.71% แตะที่ 35,683 ดอลลาร์ หลังจากเว่ยป๋อ (Weibo) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ให้บริการคล้ายทวิตเตอร์ ได้ระงับบัญชีการใช้งานของอินฟลูเอนเซอร์ด้านสกุลเงินคริปโต โดยระบุว่าละเมิดกฎหมายของจีน และละเมิดกฎระเบียบของเว่ยป๋อ ก่อนหน้านี้ราคาบิตคอยน์ได้รับแรงกดดันจาก “อีลอน มัสก์” ซีอีโอของบริษัทเทสลา ที่ได้ทวีตข้อความ #Bitcoin ตามด้วยอิโมจิรูปหัวใจแตกสลาย พร้อมกับโพสต์รูปของคู่รักในบทสนทนาที่ส่อแววว่าจะเลิกรากัน ทำให้นักลงทุนตีความว่า “อีลอน มัสก์” อาจจะเลิกลงทุนในบิทคอยน์ แต่ล่าสุด(10.30 น.) ราคาบิตคอยน์ เคลื่อนไหวที่ 36,382 ดอลลาร์

ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ระบุ เฟดจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน แม้ตัวเลขการจ้างงานในเดือน พ.ค. ของสหรัฐจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่เฟดได้ตั้งเป้าหมายไว้ และยังต้องการเห็นความคืบหน้ามากกว่านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค.มีความแข็งแกร่งในระดับที่เหมาะสม ไม่ต่ำเกินไปจนทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และไม่ร้อนแรงเกินไปจนทำให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

รมว.แรงงานสหรัฐ ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง  และคาดการณ์ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากจะสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มบรรเทาลง ขณะที่ “โจ ไบเดน” ทวีตข้อความระบุว่า รายงานการจ้างงานได้แสดงถึงความคืบหน้าสำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน และเศรษฐกิจอเมริกัน โดยอเมริกากำลังเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เสนอโดย ปธน.โจ ไบเดน จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม พร้อมระบุที่ผ่านมาสหรัฐได้ต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปมาเป็นเวลานานนับทศวรรษแล้ว

รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มชาติอุตสาหกรรม G7 ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อปฏิรูประบบภาษีโลกให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล โดยจะเรียกเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกอย่างน้อย 15% จากบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ในประเทศนั้นๆ รวมถึงปราบปรามการหลบเลี่ยงภาษี ขณะที่ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุการเก็บภาษีขั้นต่ำนี้จะยุติปัญหาที่บริษัทต่างๆ ย้ายเข้าไปดำเนินการธุรกิจในประเทศที่เรียกเก็บภาษีต่ำ และจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกขยายตัว รวมทั้งจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับโอกาสที่เสมอภาค และส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ สามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยหนุนจากการกระจายวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มกระจายในวันนี้ สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์

ตัวเลขศก.สำคัญของสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้  วันที่ 8 มิ.ย. ดุลการค้าเดือนเม.ย. และ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน  เดือนเม.ย. วันที่ 9 มิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ วันที่ 10 มิ.ย.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ส่วนวันที่ 11 มิ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ซื้อ-ขาย หรือลงทุน หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ และอาจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldKUB.com ทั้งนี้ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และหรือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.